Wi-Fi 6E คืออะไร? Wi-Fi 6 ปีนั้นเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายของ Wi-Fi Generation 6 ที่มีการเพิ่มประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อที่มากขึ้นจากการใช้งาน Wi-Fi 6 ธรรมดาซึ่งจะมีความโดดเด่นในเรื่องของความเร็วในการเชื่อมต่อและใช้คลื่นความถี่ขนาด 6 GHzในการใช้งานทดแทนความถี่ 2.4 GHzและ 5 GHzเดิมที่มีการใช้งานอย่างหนาแน่นในปัจจุบัน.
ด้วยการทำงานของ Wi-Fi 6 Eนั้นจะมีการทำงานเหมือนกันกับการทำงานของระบบ Wi-Fi 6 ที่ใช้งานคลื่นสัญญาณความถี่แบบ 5 กิกะเฮิร์ตแต่จะมีการเพิ่ม Chanel ที่ไม่ซ้อนทับกันขึ้นมาโดย Wi-Fi 6 ปีนั้นจะมีการเพิ่มช่องสัญญาณความถี่ในการเชื่อมต่อขึ้นมา 14 ช่องในช่วงคลื่นความถี่ 88 เมกะเฮิรตซ์และ 7 ช่องในคลื่นความถี่แบบ 160 เมกะเฮิรตซ์โดยช่องต่างๆเหล่านี้นั้นจะไม่มีการซ้อนทับกันระหว่างช่องซึ่งจะช่วยในการลดความหนาแน่นในการรับส่งข้อมูลโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีอุปกรณ์ในการใช้งานเครือข่ายอย่างหนาแน่น อย่างเช่นในสนามกีฬาห้างสรรพสินค้าหรืองานกิจกรรมต่างๆที่มีคนใช้งานอุปกรณ์สมาร์ทโฟนกันอย่างคับคั่ง
โดยเครือข่ายแบบ Wi-Fi 6E นั้น อุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมต่อนั้นจะใช้คลื่นสัญญาณความถี่ 6 Ghz เป็นอุปกรณ์ใหม่ที่ใช้มาตรฐานในการเชื่อมต่อใหม่ล่าสุดโดยมาตรฐาน Wi-Fi 6E นี้จะรู้จักกันในชื่อของ 802.11 AX ซึ่งในปัจจุบันนี้ยังไม่มีอุปกรณ์ไหนที่สามารถที่จะรองรับการใช้งานการเชื่อมต่อมาตรฐาน Wi-Fi 6 E แต่ คาดว่าจะมีการเริ่มออกผลิตภัณฑ์และตัวอุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมต่อมาตรฐาน Wi-Fi 6E นี้ นี้ภายใน 2021 ถึง ปี 2022
โดยการใช้งาน Wi-Fi 6 E นั้นยังไม่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานภายนอกสหรัฐอเมริกาซึ่งในปัจจุบันนี้ยังไม่ได้มีการรับรองให้ใช้งานคลื่นสัญญาณ Wi-Fi ที่ใช้ความถี่ในช่วงสัญญาณ 6 GHzแต่อย่างใดหรือมีการสำรองไว้เพื่อใช้งานจุดประสงค์อื่น เหมือนกับการ ใช้งานภายในสหรัฐซึ่งได้มีการยื่นเรื่องเพื่อขออนุญาตใช้งานคลื่นสัญญาณดังกล่าวและจะมีการพิจารณารวมถึงรายงานผลการอนุญาตภายในปี 2020 นี้จากหน่วยงาน FCC
อุปกรณ์ที่รองรับการใช้งานเครือข่ายแบบ Wi-Fi 6 ปีนั้นจะมีใช้งานเมื่อไหร่ ?โดยหน่วยงานที่กำกับดูแลเกี่ยวกับมาตรฐานในการเชื่อมต่อผ่านระบบสัญญาณ Wi-Fi หรือ Wi-Fi alliance ได้ออกมาคาดการณ์ว่าอุปกรณ์ที่รองรับเครือข่าย Wi-Fi ที่ใช้คลื่นสัญญาณในช่วง 6 GHzนั้นจะได้รับการอนุมัติจาก FCCอย่างแน่นอนและหลังจากนั้นก็จะเห็นผู้ผลิตหลายเจ้าที่ปัจจุบันกำลังทำการค้นคว้าพัฒนาและวิจัยอุปกรณ์ Wi-Fi 6 นี้อยู่

โดยบริษัท Broadcom นั้นได้ทำการเปิดตัวไมโครชิพที่บริษัทผู้ผลิต Router นั้นสามารถที่จะทำการซื้อเอาไปใช้ในการผลิตอุปกรณ์ที่รองรับเครือข่ายสัญญาณ Wi-Fi 6 E ได้แล้ว ซึ่งจะใช้ในการผลิตทั้ง Router และ access point ที่สามารถใช้งานเครือข่าย Wi-Fi 6 E ได้และนอกจากนั้นก็มีบริษัท Intel ที่ได้ทำการประกาศว่าชิปที่รองรับการใช้งานไวไฟ Wi-Fi 6 E นั้นจะมีให้ใช้งานในช่วงเดือนมกราคมในปี 2021 แต่ดูเหมือนว่าอุปกรณ์ที่รองรับการใช้งาน Wi-Fi 6 E นั้นจะเริ่มมีให้เห็นในช่วงปี 2021 นั่นเอง และจะเริ่มมีใช้งานภายในประเทศสหรัฐอเมริกาก่อนเป็นอันดับแรก
แต่สำหรับในประเทศอื่นนั้นคงจะต้องรอให้ทางหน่วยงานของภาครัฐนั้นได้ออกมาทำการรับรองคลื่นสัญญาณ Wi-Fi ที่ใช้คลื่นความถี่ในช่วง 6 Ghz เริ่มทำการใช้งานอุปกรณ์ที่รองรับการใช้งาน Wi-Fi 6 Eได้นั่นเองซึ่งคงต้องรอเวลาอีกสักพัก
สำหรับการที่จะใช้งาน เครือข่าย Wi-Fi 6 Eได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้อุปกรณ์ทั้งตัวส่งและตัวรับที่รองรับมาตรฐาน Wi-Fi 6 E ด้วยทั้งคู่จึงจะสามารถที่จะทำงานร่วมกันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตามที่ได้คาดการณ์ไว้และจะให้สามารถใช้งานความเร็วสูงสุดที่เครือข่ายดังกล่าวจะสามารถที่จะใช้งานได้แต่ว่า Wi-Fi 6 E ที่ใช้คลื่นสัญญาณความถี่ใหม่นั้นจะมีความเข้ากันได้หรือสามารถที่จะใช้งานได้ร่วมกับอุปกรณ์รุ่นเก่าได้เช่นเดียวกันโดยความเร็วที่ได้นั้นก็จะเป็นความเร็วสูงสุด ที่อุปกรณ์สามารถที่จะทำได้อย่างเช่นอุปกรณ์นั้นมาพร้อมกับความสามารถในการรองรับ Wi-Fi เวอร์ชั่น 5 เท่านั้นก็จะสามารถที่จะทำการรับส่งข้อมูลได้สูงสุดที่ Wi-Fi version 5 สามารถที่จะทำได้
การใช้งาน Wi-Fi 6 e ในปัจจุบันนี้ในประเทศไทยนั้นยังคงจะต้องรอให้มีการพิจารณาอนุญาตการใช้งานคลื่นความถี่ในช่วง 6 GHzเสียก่อนซึ่งในปัจจุบันนี้ยังไม่มีการยื่นหรือพิจารณาแต่อย่างใดเพราะว่าตัวอุปกรณ์และตัวมาตรฐานนั้นยังไม่ได้มีการเริ่มต้นใช้งานจะมีก็เพียงแต่พื้นที่ในประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้นที่ได้เริ่มทำการพิจารณาและคาดว่าจะมีการอนุมัติในเร็วๆนี้ดังนั้นก็คงจะต้องรอต่อไปซึ่งมาตรฐาน Wi-Fi แบบใหม่นี้จะมาพร้อมกับการใช้งานเครือข่ายสัญญาณแบบ 5G เมื่อโครงข่ายดังกล่าวนั้นทำงานร่วมกันจะช่วยให้เราสามารถที่จะใช้งานเครือข่ายสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่มีความเร็วมากยิ่งขึ้นทำให้เราสามารถที่จะทำสิ่งต่างๆได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้นนั่นเองสุดท้ายแล้วผลประโยชน์ก็จะตกอยู่กับผู้บริโภคเป็นหลัก
https://en.wikipedia.org/wiki/IEEE_802.11ax