จอรถยนต์ Android นั้นเป็นรูปแบบของอุปกรณ์ที่ใช้ในการติดตั้งในรถยนต์ซึ่งจะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่จะทำการใช้งานเป็นอุปกรณ์ให้ความบันเทิงภายในรถเปิดเพลงดูวีดีโอระหว่างการเดินทางหรือการเปิด GPS เพื่อใช้ในการนำทางได้ซึ่งจะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่จะทำการเดินทางได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
จอรถยนต์ Android คืออะไร? จอรถยนต์ Android นั้นเป็นจอรถยนต์ที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Android ภายในตัวซึ่งจะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่จะจำกัดใช้งานในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเพื่อความบันเทิงใช้ในการนำทางด้วย GPS เชื่อมต่อเข้ากับโทรศัพท์มือถือและคลื่นสัญญาณ WiFi จากมือถือผ่าน Hotspot ในการเปิดเว็บไซต์ดู YouTube คือฟังเพลงได้โดยจอรถยนต์ Android นั้นจะเป็นหน้าจอที่มีขนาดใหญ่และใช้ระบบสัมผัสในการสั่งการรวมถึงการติดตั้งระบบปฏิบัติการ Android จึงทำให้สามารถที่จะทำการติดตั้งแอพพลิเคชั่นอื่นๆเพิ่มเติมได้จาก Google Play Store ซึ่งจะทำให้คุณนั้นสามารถที่จะทำการใช้งานต่างๆได้อย่างหลากหลายมากยิ่งขึ้น

โดยในปัจจุบันนี้มีจอรถยนต์ Android วางขายมากมายหลายรุ่นหลายยี่ห้อให้คุณได้เลือกใช้งานซึ่งอาจจะทำให้คุณนะสงสัยว่าควรที่จะเลือกซื้อจอรถยนต์ Android รุ่นไหนแบบไหนยี่ห้อไหนดีถึงจะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่จะใช้งานได้ดีที่สุดดังนั้นวันนี้เราจึงได้รวบรวมเอาจอรถยนต์ Android มาแนะนำให้คุณได้เลือกซื้อไปใช้งานเพื่อที่จะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่จะนำข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อจอรถยนต์ Android ที่ดีที่สุดกว่าการใช้งานของคุณมากที่สุด
จอรถยนต์ Android ยี่ห้อไหนดี?
ในการที่จะเลือกซื้อจอรถยนต์ Android มาใช้งานนะคุณจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเลือกซื้อจากผู้ผลิตที่เป็นที่เรียกถือและเป็นที่รู้จักกันอย่างดีในท้องตลาดว่าผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพที่ดีเพียงพอต่อการใช้งาน ไม่ควรเลือกซื้อจอรถยนต์ Android จากผู้ผลิตที่ไม่เป็นที่รู้จักเด็ดขาดเนื่องจากว่าอาจจะเป็นสินค้าที่ไม่มีคุณภาพมีอายุการใช้งานที่สั้นและไม่มีความคุ้มค่าในการใช้งานนั่นเองโดยจอรถยนต์ Android ที่เราแนะนำนั้นได้แก่จอรถยนต์ Android ยี่ห้อ Worldtech, Pioneer, Alpha Coustic, และ Sirocco
แนะนำ จอรถยนต์ Android รุ่นไหน ยี่ห้อไหนดี
#1.Worldtech รุ่น WT-A803 เครื่องเสียงติดรถยนต์ระบบจอแอนดรอย จอ IPS 7 นิ้ว
เครื่องเสียงติดรถยนต์ระบบ Android รุ่น WT-A803 เป็นจอ Android ติดรถยนต์ที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 7 นิ้วแบบ IPS รองรับระบบสัมผัสรองรับการเชื่อมต่อต่างๆไม่ว่าจะเป็น Bluetooth , GPS , WIFI , USB , FM และ MHL รองรับภาษาไทย ใช้หน่วยประมวลผลความเร็วสูงมาพร้อมกับ Ram 1 GB แบบ ddr และ Rom 16 GB ในการเก็บข้อมูล

ตัวเครื่องนั้นรองรับการใช้งานต่างๆที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นการรับคลื่นสัญญาณ GPS การเชื่อมต่อ WiFi การอ่านไฟล์จาก USB และ Micro SD Card Slot เชื่อมต่อ Bluetooth รองรับการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือเพื่อใช้ในการโทรเข้ารับสายได้รองรับ Mirror Link และใช้ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 ในการทำงาน
จุดเด่นของจอ Android ติดรถยนต์รุ่นนี้
1.หน่วยประมวลผล T3L (1GB DDR+16G)
2.หน้าจอสัมผัสแบบ capacitve 2.5D และ 911 ic
3.มี Bluetooth , GPS , WIFI , USB , FM และ MHL
4.รองรับภาษาไทย
#2.ALPHA COUSTIC จอติดรถยนต์ เครื่องเสียงรถยนต์ จอแอนดรอย์ 2 Din 7นิ้ว
เป็นจอรถยนต์ Android ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 4.0 ในการทำงานตัวเครื่องนั้นมาพร้อมกับจอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้วความละเอียด 1024 x 600 พิกเซลมาพร้อมกับ CPU ความเร็วสูงและใช้ RAM 2 GB Rom 16 GB ช่วยให้คุณสามารถที่จะทำการติดตั้งและใช้งานได้อย่างสะดวกสบายรองรับการเชื่อมต่อที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อ WiFi USB ช่อง AV in และ AV Out ทำให้สามารถที่จะทำการเชื่อมต่ออุปกรณ์อื่นๆได้สามารถติดตั้ง application จาก Google Play Store ได้และมี GPS ในตัวเครื่องรองรับการเชื่อมต่อคอนโทรลที่พวงมาลัยและสามารถเชื่อมต่อกล้องถอยหลังได้ทำให้คุณนั้นสามารถที่จะนำการใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

จุดเด่นของจอรถยนต์ Android พรุ่งนี้
1.เชื่อมต่อง่ายผ่าน Wifi
2.ช่องเสียบ USB*2ช่องแบบสาย
3.AV in / AV out ได้
4.สามารถโหลดแอป Play store ได้
5.GPS ในตัวเครื่องแบบ online และ offline
6.รองรับคอนโทลพวงมาลัยและรองรับกล้องถอยหลัง
#3.Sirocco 2Din เครื่องเสียงรถยนต์ระบบAndroid จอ7นิ้ว
เป็นจอรถยนต์ Android ระบบ 2din ที่มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล 7 นิ้วรองรับระบบสัมผัสและเมนูภาษาไทยใช้ระบบปฏิบัติการ Android 4.0 ในการทำงานรองรับการเชื่อมต่อ WiFi ทำให้คุณนั้นสามารถที่จะทำการเชื่อมต่อได้อย่างสะดวก ในการใช้งานรองรับการใช้งานระบบนำทาง GPS Google Map หรือเปิด YouTube เพื่อความบันเทิงขณะเดินทางได้สามารถติดตั้งแอปพลิเคชันเพิ่มเติมจาก Google Play Store ได้ CPU ความเร็วสูงแบบ Quad Core Ram 1 GB และ Ram 16 GB รองรับการใช้งานร่วมกับการเชื่อมต่อต่างๆที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น USB SD Card และ Micro SD Card สูงสุดถึง 32 GB รองรับการเชื่อมต่อกล้องมองหลังสำหรับถอยหลังการเชื่อมต่อบลูทูธ External Harddisk สามารถเล่นไฟล์ mp3 ไฟล์วีดีโอนามสกุลอื่นๆได้

จุดเด่นของจอรถยนต์ Android รุ่นนี้
1.หน้าจอแสดงผล 7 นิ้ว
2.รองรับการใช้งานภาษาไทย (เมนูภาษาไทย)
3.ระบบปฏิบัติการ Android 10
4.รองรับไวไฟ (WiFi) เช่น ไวไฟบ้าน ฮอตสปอตมือถือ หรือพ็อกเก็ตไวไฟ
5.รองรับไวไฟ (bt)
6.เปิด Google Map ได้
สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนที่จะเลือกซื้อจอรถยนต์ Android มาใช้งาน
1. ความเข้ากันได้กับรถยนต์ของคุณ
ในการที่จะเลือกซื้อจอรถยนต์ Android มาใช้งานนั้นคุณจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมั่นใจได้ว่าจอรถยนต์ Android ที่จะนำมาใช้งานนั้นสามารถที่จะทำการติดตั้งและใช้งานบนรถของคุณได้อย่างพอดีซึ่งพื้นที่ในการติดตั้งและใช้งานนั้นสำหรับ จอรถยนต์ Android น่าจะติดตั้งลงบนคอนโซลในส่วนของที่ติดตั้งวิทยุเดิมซึ่งจะมีอยู่ในรถแทบจะทุกรุ่นทุกยี่ห้อแล้วแต่ว่าช่อง ดังกล่าว ของรถแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อ จะมีขนาดที่ไม่เท่ากันไม่มีพื้นที่ในการติดตั้งที่ไม่เหมือนกันดังนั้นก่อนที่จะเลือกซื้อ จอรถยนต์ Android มาใช้งานนะคุณจะต้องมั่นใจได้ว่าจอรถยนต์ Android รุ่นนั้นๆ สามารถที่จะใช้งานร่วมกับรถหรือรุ่นรถที่คุณใช้อยู่ได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่จะทำการใช้งานได้
2. หน้าจอของจอรถยนต์ Android
จอรถยนต์ Android ที่คุณจะเลือกซื้อมาใช้งานนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีขนาดหน้าจอที่มีขนาดเหมาะสมกับความต้องการในการใช้งานของคุณมีความสว่างของหน้าจอที่เพียงพอต่อการใช้งานมีความคมชัดและรองรับกันสั่งงานผ่านหน้าจอด้วยระบบสัมผัสซึ่งจะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่จะทำการสั่งงานและใช้งานในการทำงานของ จอรถยนต์ Android ได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นโดยหน้าจอของจอรถยนต์ Android ที่มีวางขายอยู่ในท้องตลาดนะจะมีมากมายให้เลือกหลายขนาดตั้งแต่ขนาด 5 นิ้วไปจนถึงขนาด 9 นิ้วซึ่งยิ่งจอใหญ่ก็ยิ่งช่วยให้คุณสามารถที่จะทำการเห็นรายละเอียดต่างๆบนหน้าจอได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
3.สเปคของจอรถยนต์ Android
ตัวสเป็คของจอรถยนต์ Android ที่คุณจะเลือกซื้อมาใช้งานนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีสเปคที่ดีไม่ว่าจะเป็นตัว CPU Ram และพื้นที่ในการเก็บข้อมูลของจอ รถยนต์ Android ที่คุณจะเลือกซื้อมาใช้งานนั้นจะต้องสามารถที่จะใช้ในการทำงานได้อย่างลื่นไหลและไม่กระตุกหรือช้าในการสั่งการโดยตัวซีพียูนั้นจะต้องมีความเร็วอย่างน้อย 1.5 ghz ขึ้นไป Ram จะต้องมีอย่างน้อย 2 GB ขึ้นไปและพื้นที่ในการเก็บข้อมูลต้องมากกว่า 16 GB ขึ้นไปจึงจะเพียงพอต่อการใช้งานไม่ว่าจะเป็นการติดตั้ง application วิธีการติดตั้งระบบปฏิบัติการรวมถึงไฟล์เพื่อความบันเทิงต่างๆ ไม่ควรเลือกซื้อจอทีวีแอนดรอยที่มีสเปคต่ำจนเกินไปเนื่องจากว่าจะทำให้คุณนั้นไม่สามารถที่จะใช้งานได้อย่างลื่นไหลนั่นเองเปรียบได้กับการใช้งานโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนของคุณ จอรถยนต์ Android ก็เช่นเดียวกัน ยิ่งสเปคต่ำยิ่งทำให้คุณนั้นไม่สามารถที่จะทำการใช้งานได้อย่างลื่นไหลนั่นเอง
4.การเชื่อมต่อจอรถยนต์ Android
จอรถยนต์แอนดรอยด์ที่คุณจะเลือกซื้อมาใช้เงินนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรองรับการเชื่อมต่อที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อ Bluetooth GPS WiFi USB ช่องสัญญาณวิทยุ FM และ MHL ซึ่งใช้ในการรับสัญญาณ จากโทรศัพท์มือถือ Smartphone ในการแสดงผลหน้าจอบนจอทีวีแอนดรอยในรถยนต์ของคุณซึ่งจะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่จะทำการใช้งานได้อย่างหลากหลายมากยิ่งขึ้นรองรับความบันเทิงต่างๆได้ดีมากยิ่งขึ้น
ความสามารถในการเชื่อมต่อกล้องหน้ารถ กล้องหลังรถ นั้นก็เป็นอีกฟังก์ชัน หนึ่งที่ผู้ซื้อจะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษเนื่องจากว่าการเชื่อมต่อกล้องหลังสำหรับใช้ในการถอยนั้นเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่จะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่จะทำการถอยรถได้อย่างปลอดภัยนั่นเอง
5.การติดตั้งและใช้งาน
จอรถยนต์ Android นั้นจะต้องถูกออกแบบมาให้สามารถที่จะทำการติดตั้งง่ายซึ่งจะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่จะทำการติดตั้งได้ด้วยตัวเองหรือการจ้างผู้ช่างที่ชาญในการติดตั้ง ซึ่งจะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่จะทำการติดตั้งและใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ควรเลือกซื้อจอรถยนต์ Android ที่มีการติดตั้งยุ่งยากซึ่งอาจจะทำให้คุณนั้นไม่สามารถที่จะติดตั้งได้และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง
6.มีระดับราคาที่เหมาะสม
จอรถยนต์ Android ที่คุณจะเลือกซื้อมาใช้งานนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีระดับราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพและประสิทธิภาพในการทำงานของตัวจอไม่ว่าจะเป็นวัสดุอุปกรณ์ต่างๆของจอรถยนต์ Android รวมถึงสเปคของตัวเครื่องนั้นจะต้องมีระดับราคาที่เหมาะสมไม่ควรเลือกซื้อจอรถยนต์ Android ที่มีราคาถูกหรือแพงมากจนเกินไปเนื่องจากว่าจะทำให้คุณนั้นไม่สามารถที่จะใช้งานได้อย่างคุ้มค่านั่นเอง
7. การรับประกันและการบริการหลังการขาย
จอรถยนต์ Android ที่คุณจะเลือกซื้อมาใช้งานนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการรับประกันจากผู้ขายหรือผู้ผลิตอย่างน้อย 3 ถึง 6 เดือนเพื่อช่วยให้คุณนั้นมั่นใจในคุณภาพและประสิทธิภาพในการทำงานของตัวเครื่องในกรณีที่เกิดปัญหาขณะที่ทำการใช้งานอยู่นั้นคุณสามารถที่จะเรียกร้องขอความรับผิดชอบจากผู้ขายหรือผู้ผลิตได้ในกรณีที่มีปัญหาและเกิดจากการทำงานที่ผิดพลาดของตัวอุปกรณ์เอง