ประกันภัยรถยนต์นั้นจำเป็นต้องทำหรือไม่และจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากรถของคุณไม่มีประกันภัยรถยนต์ การทำประกันภัยรถยนต์ นั้นเป็นการทำประกันภัยแบบสมัครใจคือจะทำหรือไม่ทำก็ได้โดยตัวกฎหมายนั้นไม่ได้บังคับว่าคุณจำเป็นที่จะต้องทำประกันภัยรถยนต์และไม่มีผลต่อการต่อทะเบียนแต่อย่างใดโดยในการต่อทะเบียนนั้นคุณจะใช้เพียงแค่ พรบ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์เท่านั้นก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

สำหรับรถที่ไม่มีประกันภัยรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นประกันภัยชั้น 1 ชั้น 2 ชั้น 3 มีเพียงแค่พรบนั้นถ้ามีการเกิดอุบัติเหตุไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุเฉี่ยวชน อุบัติเหตุน้ำท่วม ไฟไหม้หรือทำให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหายคุณจำเป็นที่จะต้องรับผิดชอบเองและจ่ายค่าเสียหายเองทั้งหมด หรือแม้กระทั่งในกรณีที่ผู้อื่นมาชนรถของคุณจนทำให้เกิดความเสียหาย โดยที่คุณไม่ได้เป็นพวกผิดก็ตามคุณก็ยังจำเป็นที่จะต้องจ่ายค่าซ่อมรถยนต์ของคุณเอง ในกรณีที่รถของคุณและรถของคู่กรณีนั้นไม่มีประกันเช่นเดียวกันแต่ถ้ารถคู่กรณีมีประกันมาชนรถของคุณประกันของรถคู่กรณีนั้นก็จะทำการรับผิดชอบซ่อมให้คุณนั่นเอง
และเป็นที่ทราบกันดีว่าในปัจจุบันนี้อุบัติเหตุทางรถยนต์นั้นสามารถที่จะเกิดได้บ่อยและเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อโดยไม่เลือกปฏิบัติเราไม่ไปชนเขาเขาก็มาชนเราการมีประกันภัยรถยนต์นั้นจะช่วยให้คุณสามารถที่จะผ่านหรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุดังกล่าวได้ง่ายกว่าการที่ไม่มีประกันภัยรถยนต์
ถ้ารถของคุณไม่มีประกันและเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับรถยนต์ของคุณ คุณจะต้องรับผิดชอบอะไรบ้างในกรณีทั้งที่คุณเป็นคนผิดและไม่ได้เป็นคนผิดแต่ส่วนมากแล้วคุณจะถูกเหมารวมว่าเป็นความประมาทร่วมก็ตาม
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อรถของคุณไม่มีประกันภัยรถยนต์
1.จะต้องใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
ในการขับขี่รถยนต์ที่ไม่มีประกันภัยรถยนต์นั้นมีเพียงแค่พรบคุ้มครองผู้ประสบภัยรถยนต์คนขับและเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องขับหรือควบคุมรถยนต์ด้วยความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นเนื่องจากว่าถ้าเกิดปัญหาอุบัติเหตุขึ้นแล้วคุณจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นในอุบัติเหตุนั้นไม่ว่าจะเป็นความเสียหายที่เกิดกับรถยนต์ของคุณเองและทรัพย์สินของคู่กรณีหรือรถยนต์ของคู่กรณีโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่คุณเป็นคนผิดนั้นคุณจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่ว่ารถคู่กรณีจะเสียหายมากน้อยเท่าไหร่คุณจำเป็นที่จะต้องจ่ายราคาเต็มให้กับคู่กรณีซึ่งมูลค่าดังกล่าวนั้นมีมูลค่าที่มากกว่าที่คุณจะต้องจ่ายเป็นค่าเบี้ยประกันรายปีอย่างแน่นอน
2. ขับรถชนผู้อื่นจะต้องจ่ายด้วยตัวเอง
ในกรณีที่คุณขับรถชนผู้อื่นนั้นไม่ว่าจะเป็นความเสียหายเพียงเล็กน้อยก็ตามคุณจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้เงินสำรองจ่ายให้กับผู้เสียหายก่อนทุกครั้งและคุณจำเป็นจะต้องไปเองจ้ากับผู้เสียหายเองซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาต่างๆตามมาอีกมากมายแต่ถ้าคุณมีประกันภัยรถยนต์ไม่ว่าประกันภัยประเภทไหนก็ตามบริษัทประกันจะเป็นผู้เจรจากับคู่กรณีหรือผู้เสียหายให้ซึ่งจะช่วยลดความยุ่งยากและการต่อรองต่างๆที่จุกจิกตามมาในภายหลังรวมถึงค่าเสียหายตามสั่งที่คุณจำเป็นจะต้องจ่ายนั้นอาจจะมีมากเกินที่คุณจะรับผิดชอบไหวได้โดยค่าซ่อมนั้นหรือค่าดูแลเยียวยาผู้เสียหายอาจจะมากกว่ามูลค่าของเบี้ยประกันรถยนต์ที่คุณจะต้องเสียในแต่ละปีก็ได้
3.โดนรถคันอื่นชนต้องจ่ายเอง
แม้ว่าคุณจะใช้รถยนต์ไม่บ่อย แต่วันดีคืนดีเกิดขับรถชนขึ้นมาโดยที่คุณเป็นฝ่ายผิด ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายเพียงเล็กน้อยจนไปถึงความเสียหายขั้นรุนแรง คุณต้องมีเงินสำรองจ่ายเองทั้งหมดเพื่อรับผิดชอบค่าใช้จ่ายรถยนต์ของคู่กรณีและรถยนต์ของคุณเอง เนื่องจากไม่มีประกันมาช่วยดูแลหรือคอยเจรจากับคู่กรณีให้อย่าง เรื่องค่าเสียหาย การดำเนินการ เอกสารหลักฐานต่างๆ ยิ่งถ้ารถยนต์คู่กรณีมีราคาแพง ค่าซ่อมอาจจะสูงกว่าเบี้ยประกันรถยนต์แต่ละปีเสียอีก
4.ไม่มีคนเจรจาและช่วยต่อสู้คดีในศาล
อุบัติเหตุนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดและต้องการที่จะให้เกิดขึ้นและอุบัติเหตุนั้นสามารถที่จะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ถ้ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นแล้วปัญหาต่างๆที่ยุ่งยากอื่นๆจะตามมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เกิดความเสียหายกับทรัพย์สินของผู้อื่นหรือคู่กรณีที่มีการฟ้องร้องถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลนั้นเรียกได้ว่ามีความยุ่งยากพอสมควรโดยในการเกิดอุบัติเหตุนั้นถ้ารถคุณมีประกันทางตัวแทนประกันนั้นจะคอยช่วยเหลือและดูแลสิ่งต่างๆให้กับคุณไม่ว่าจะเป็นการเจรจากับคู่กรณีการเก็บหลักฐานขณะที่เกิดเหตุและคำแนะนำต่างๆที่คุณจำเป็นจะต้องรู้และรับทราบและช่วยจัดการในเรื่องของเอกสารและการต่อสู้คดีต่างๆให้กับคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิตนั้น เป็นคดีอาญาและมีความยุ่งยากในการต่อสู้คดีค่อนข้างมากถ้ารถกูไม่มีประกันคุณจำเป็นจะต้องจ่ายเงินและต่อสู้คดีด้วยตัวเองซึ่งอาจจะทำให้คุณเสียทั้งเงินเสียทั้งเวลาในการที่จะต่อสู้คดีนั่นเองถ้ารถคุณมีประกันทางบริษัทประกันนะจะดูแลทุกเรื่องให้กับคุณช่วยลดภาระและความเครียดดังกล่าวให้กับคุณ
5.ช่วยคุ้มครองในกรณีที่รถหายน้ำท่วมหรือไฟไหม้
ในกรณีที่เกิดจากภัยธรรมชาติอย่างเช่นน้ำท่วมงั้นการมีประกันชั้น 1 ประกันชั้น 2+ และประกันชั้น 3+ นั้นจะช่วยให้คุณสามารถที่จะได้รับความคุ้มครองในกรณีดังกล่าวได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณอยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงน้ำท่วมสูงถือว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำและภัยอื่นๆไม่ว่าจะเป็นไฟไหม้หรือรถหายนั้นเป็นเรื่องที่เราไม่สามารถที่จะควบคุมได้และไม่มีใครอยากจะให้เกิดขึ้นแต่ถ้าเกิดขึ้นกับรถคุณแล้วคุณไม่มีประกันภัยรถยนต์นั้นอาจจะทำให้คุณจำเป็นที่จะต้องดูแลและรับผิดชอบต่อความเสียหายต่างๆที่เกิดขึ้นเองทั้งหมดซึ่งมูลค่าอาจจะมีมากกว่าค่าเบี้ยประกันที่คุณจะต้องจ่ายในแต่ละปีอยากแน่นอน
จากข้อมูลด้านบนที่เราได้นำเสนอให้กับคุณไปแล้วจะเห็นได้ว่าการมีประกันภัยรถยนต์นั้น มีข้อดีมากกว่าการที่ไม่มีประกันภัยรถยนต์ใดๆเลยการมีประกันภัยรถยนต์มันจะทำให้คุณอุ่นใจในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์โดยบริษัทประกันนั้นจะเป็นผู้ที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือเล่นจัดการสิ่งต่างๆให้กับคุณ ตั้งแต่การเจรจากับคู่กรณีการดูแลทรัพย์สินของคู่กรณีและทรัพย์สินของคุณเองซึ่งเมื่อเกิดความเสียหายขึ้นมาแล้วมูลค่าที่คุณจะต้องจ่ายนั้นอาจจะมีมูลค่าที่มากกว่าเบี้ยประกันที่คุณจะต้องจ่ายให้กับบริษัทประกันเป็นรายปีอย่างแน่นอนโดยในกรณีที่มีการเกิดอุบัติเหตุรถชนเพียงเล็กน้อยเพียงหนึ่งครั้งความเสียหายต่างๆอาจจะคิดค่าซ่อมหรือค่าเสียหายให้กับรถของคุณและรถคู่กรณีเป็นราคา 10,000 บาทต่อครั้งขึ้นไปอย่างแน่นอนดังนั้นการมีประกันภัยรถยนต์จึงดีกว่าอย่างแน่นอน
ซึ่งในปัจจุบันนี้ประกันภัยรถยนต์ทุกประเภทไม่ว่าจะเป็น ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 นั้น คุณสามารถที่จะทำการซื้อประกันออนไลน์ได้อย่างสะดวกและง่ายดายมากกว่าในอดีตโดยไม่จำเป็นที่จะต้องไปดำเนินการที่สาขาหรือสำนักงานบริษัทประกันเพียงแค่คุณทำการส่งข้อมูลและรายละเอียดต่างๆผ่านเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นของบริษัทประกันและรอให้อนุมัติพร้อมกับจ่ายเงินค่าเบี้ยประกันเพียงเท่านี้รถคุณก็พร้อมที่จะได้รับการคุ้มครองจากบริษัทประกันภัยทางรถยนต์ต่างๆได้ทันทีซึ่งคุณสามารถที่จะดูรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับการซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ได้ที่นี่